เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับยาลดน้ำมูก ควรทำความเข้าใจก่อนใช้
On December 11, 2021 by beautyน้ำมูกหนึ่งอาการที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของร่างกายเพื่อให้คุณหันมาใส่ใจในร่างกายนี้มากขึ้น โดยน้ำมูกมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเมื่อคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารไม่ครบถ้วน หรือแม้แต่เมื่อคุณตกอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส เช่น การอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้ที่เป็นไข้หวัดหรือการที่ร่างกายโดนฝน นอกจากนี้น้ำมูกยังเป็นอาการที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ด้วยซึ่งก็เกิดได้ทั้งจากการแพ้อากาศ การแพ้เกสรดอกไม้ การแพ้ขนสัตว์ หรือ การแพ้ฝุ่นละออง เป็นต้น เมื่อเกิดน้ำมูกขึ้นแล้วสิ่งต่อไปที่คุณมักจะทำกันก็คือการรับประทานยาลดน้ำมูกที่ช่วยบรรเทาและหยุดอาการเหล่านี้ บทความนี้เราจะไปพบกับเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับยาลดน้ำมูกกัน
ยาลดน้ำมูก ใช้อย่างไร
คุณสามารถใช้ยาลดน้ำมูกได้เลยเมื่อมีอาการน้ำมูกไหล โดยการไปซื้อยาลดน้ำมูกที่ร้านขายยาและต้องสั่งจ่ายและอธิบายการใช้ยาลดน้ำมูกอย่างเคร่งครัดจากเภสัชกร เมื่อคุณไปซื้อยาลดน้ำมูกที่ร้านขายยาคุณต้องแจ้งเภสัชกรหากคุณแพ้ยาชนิดใด แต่หากคุณมีน้ำมูกในปริมาณที่มาก มีติดต่อกันหลายวันและมีอาการอื่นร่วมด้วยคุณควรไปพบแพทย์เพื่อรับยาลดน้ำมูกที่มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการนั้นๆ ของคุณโดยตรง รวมถึงหากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรคุณไม่ควรใช้ยาลดน้ำมูกด้วยตัวเอง คุณควรปรึกษากับแพทย์ที่คุณฝากครรภ์อยู่ก่อนจะใช้ยาลดน้ำมูกใดๆ เพราะยาลดน้ำมูกบางชนิดนั้นไม่มีผลต่อคนทั่วไป แต่มีผลกระทบที่รุนแรงต่อสตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตรซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อไปยังบุตรด้วย
คำเตือนในการใช้ยาลดน้ำมูก
การใช้ยาลดน้ำมูกก็คือการใช้ยาคุณไม่ควรทานยาเหมือนการทานขนมหรืออาหาร หากคุณมีอาการเพียงเล็กน้อย คุณไม่ควรใช้ยาลดน้ำมูกทันทีแต่คุณควรพักผ่อนให้เพียงพอเพราะบางกรณีแค่พักผ่อนเพียงพอก็ทำให้น้ำมูกหยุดได้แล้ว นอกจากนี้คุณควรใช้ยาลดน้ำมูกตามปริมาณที่กำหนด ซึ่งมักจะกำหนดด้วยช่วงอายุและน้ำหนักตัว คุณต้องขอคำแนะนำเหล่านี้จากเภสัชกรและมีการชั่งน้ำหนักจริง ไม่ใช้การคาดคะเนน้ำหนัก เพราะการใช้ยาลดน้ำมูกเกินขนาดก็ทำให้คุณเกิดอันตรายได้ รวมถึงสตรีให้นมบุตรหรือตั้งครรภ์ก็ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเพราะยาที่คุณใช้ไม่ได้มีผลกระทบเพียงตัวคุณแต่มีผลกระทบต่อบุตรของคุณด้วย
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
เมื่อคุณใช้ยาลดน้ำมูกจะเกิดอาการข้างเคียงที่เป็นผลมาจากการใช้ยาได้ ซึ่งผลข้างเคียงนี้ก็จะแตกต่างกันไปตามชนิดของยา และแตกต่ากันไปในแต่ละบุคคลด้วย เราขอแบ่งส่วนของผลข้างเคียงนี้ออกเป็น 2 กลุ่มตามลักษณะยาลดน้ำมูกดังนี้
1.กลุ่มยาลดน้ำมูกที่ไม่ทำให้เกิดการง่วงซึม นิยมอย่างมากในผู้ที่ต้องเกิดน้ำมูกจากโรคภูมิแพ้ เพราะจะให้คุณสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติเลย ยาลดน้ำมูกกลุ่มนี้แทบไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เลย
2.กลุ่มยาลดน้ำมูกที่ทำให้เกิดอาการง่วงซึม ชัดเจนตามชื่อกลุ่มเลยคือเมื่อคุณรับประทานยาลดน้ำมูกในกลุ่มนี้เข้าไปจะทำให้คุณเกิดความง่วงซึมหลังจากที่ทานตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงหลังทานกันเลย อีกทั้งอาการง่วงซึมนี้อาจค้างได้นานเป็นวัน ทำให้ผู้ที่ทานยาชนิดนี้ไม่ควรขับขี่ยานพาหนะและทำงานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรหลังทานยา
อาการแพ้ยาที่ควรพบแพทย์ด่วน
อาการแพ้ยาจะมีความแตกต่างจากผลข้างเคียงของยา เพราะอาการแพ้ยาจะมีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภายในระยะเวลาไม่นานหลังจากที่คุณทานยาไปเดิม มักเริ่มจากอาการภายนอกนั้นก็คือการบวมแดงของใบหน้าหรือส่วนอื่นของร่างกาย มีอาการวินเวียน อาเจียนและท้องเสียร่วมด้วย ที่หนักเลยก็คืออาการตาบอดชั่วคราวรวมถึงแน่นหน้าอกและหายใจไม่ทัน ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องรอให้อาการทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่เกิดอาการบวมแดงคุณก็ควรไปพบแพทย์โดยด่วนและต้องรีบแจ้งแพทย์ว่าคุณเกิดอาการแพ้ยาเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการวินิจฉัยของแพทย์
ยาลดน้ำมูกจัดเป็นยาที่สามารถซื้อรับประทานเองได้ง่ายๆ แต่ก็ต้องระวังอาการข้างเคียงที่ตามมาหรืออาการแพ้ยาที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นคุณต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ยาลดน้ำมูกเพราะอย่างไรก็ดียาลดน้ำมูกก็ขึ้นชื่อว่าเป็นยา จะใช้ตามใจไม่ได้